เช็กสัญญาณเตือนว่าคุณควรตรวจสายตา (Eye Test) ที่ร้านแว่นตา

ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ และยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ยิ่งผู้ที่ใช้สายตาหนักไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่ต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ การไถโทรศัพท์มือถือเล่นยามว่าง การดูข่าวในโทรทัศน์ หรือการอ่านหนังสืออย่างตั้งใจเป็นเวลานาน การดูแลสุขภาพดวงตาจึงเป็นสิ่งสำคัญ และการหมั่นสังเกตความผิดปกติของสายตาจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะช่วยตรวจหาสัญญาณเตือนของปัญหาสายตาที่อาจเกิดขึ้น และป้องกันไม่ให้ลุกลามจนเป็นอันตรายในอนาคต หากคุณกำลังสงสัยว่าถึงเวลาที่คุณควรเข้ารับการตรวจสายตา (Eye test)ที่ร้านแว่นตาแล้วหรือยัง ลองมาเช็กสัญญาณเตือนเหล่านี้ไปพร้อม ๆ กัน

สัญญาณเตือนที่บอกว่า "ควรไปตรวจสายตาได้แล้ว"

สัญญาณเตือนที่บอกว่า "ควรไปตรวจสายตาได้แล้ว" ที่คุณควรสังเกต ซึ่งดวงตาของเราสามารถส่งสัญญาณเตือนได้หลายอย่าง หากคุณกำลังมีอาการเหล่านี้ อาจถึงเวลาที่ควรเข้ารับการ ตรวจสายตา (Eye Test) อย่างจริงจัง

1.มองเห็นไม่ชัด ต้องเพ่งบ่อย ๆ

มองเห็นไม่ชัดเจน ต้องเพ่งบ่อย ๆ ทำให้ใช้สายตามากขึ้น คือ สัญญาณคลาสสิกที่บ่งบอกว่าสายตาของคุณอาจเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็นในระยะใกล้หรือไกลที่เริ่มไม่คมชัดเหมือนเดิม ตัวอักษรบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ดูไม่ชัดเจน หรือป้ายบอกทางที่เคยอ่านออกกลับกลายเป็นภาพเบลอ นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าคุณควรตรวจสายตา

2.ปวดหัวบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ

อาการปวดหัวที่เกิดจากการใช้สายตามากเกินไป หรือการที่ดวงตาต้องพยายามเพ่งมองสิ่งต่าง ๆ ให้ชัดเจน เป็นสัญญาณที่พบได้บ่อย หากคุณมีอาการปวดหัวบ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการใช้สายตาอย่างหนัก อาจเป็นเพราะสายตาของคุณเริ่มมีปัญหาและถึงเวลาต้องพึ่งแว่นตาแล้ว

3.แสบตา เคืองตา หรือน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว

อาการแสบตา เคืองตา หรือน้ำตาไหลโดยไม่รู้ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ แต่การที่ดวงตาต้องทำงานหนัก หรือการใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่เหมาะสมก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ หากคุณมีอาการตาแห้ง แสบตา หรือรู้สึกไม่สบายตาเป็นประจำ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุและแนวทางการแก้ไข

4.มองเห็นภาพซ้อน หรือรู้สึกเวียนหัวเมื่อใช้สายตา

หากมองเห็นภาพซ้อน หรือรู้สึกเวียนหัวเมื่อใช้สายตา เป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด เพราะอาจบ่งบอกถึงปัญหาสายตาที่ซับซ้อน หรืออาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงบางอย่างได้ หากคุณมีอาการเห็นภาพซ้อน หรือภาพบิดเบี้ยว ควรรีบไปตรวจสายตาโดยจักษุแพทย์โดยเร็วที่สุด

5.ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย ต้องเปลี่ยนแว่นเป็นประจำ

หากค่าสายตาของคุณเปลี่ยนแปลงไปจนรู้สึกว่าการมองเห็นไม่ชัดเจน หรือมีอาการไม่สบายตา อาจเป็นสัญญาณให้ต้องเปลี่ยนแว่นตาเพื่อให้ได้แว่นที่มีค่าสายตาที่เหมาะสมกับปัจจุบัน เพราะการใช้แว่นที่มีค่าสายตาไม่ตรงกับความเป็นจริง อาจส่งผลเสียต่อดวงตาในระยะยาว ทำให้ดวงตาทำงานหนักขึ้น และอาจทำให้ค่าสายตาแย่ลงได้

ใครบ้างที่ควรตรวจสายตาให้บ่อยขึ้น?

กลุ่มคนที่ควรตรวจสายตาให้บ่อยขึ้นกว่าคนทั่วไป เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงสูงที่จะเกิดปัญหาสายตาหรือโรคตาต่าง ๆ มีดังนี้

ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์

การใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ หรือไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ ตาอักเสบ หรือภาวะตาแห้งได้ การตรวจตาเป็นประจำจะช่วยให้มั่นใจว่าดวงตาแข็งแรงและไม่มีภาวะแทรกซ้อน

ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด

ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจสายตาที่บ่อยกว่าคนปกติทั่วไป เพราะกลุ่มโรคที่เป็นอยู่อาจส่งผลต่อปัญหาสายตา ได้แก่

• ผู้ป่วยเบาหวาน โรคเบาหวานสามารถทำให้เกิดภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตา (Diabetic Retinopathy) ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้ หากไม่ได้รับการตรวจและรักษาแต่เนิ่น ๆ ควรตรวจตาตามคำแนะนำของจักษุแพทย์อย่างเคร่งครัด
• ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง หากความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการควบคุมที่ดี สามารถส่งผลกระทบต่อหลอดเลือดในดวงตาและจอประสาทตาได้
• ผู้ป่วยไทรอยด์ เพราะโรคไทรอยด์บางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อตาหรือการมองเห็น
• ผู้ที่มีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เนื่องจากบางโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องสามารถส่งผลต่อสุขภาพดวงตาได้
• ผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์เป็นประจำหรือในระยะยาว โดยยาสเตียรอยด์บางชนิดอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจกและต้อหิน

ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคตา

ผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวเกี่ยวกับโรคตาบางชนิด มีโอกาสสูงที่จะพบปัญหาโรคต่างได้มากกว่าคนปกติ เช่น

• มีประวัติคนในครอบครัวเป็นต้อหิน ซึ่งโรคต้อหินเป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ และเป็นสาเหตุสำคัญของการตาบอดถาวร หากตรวจพบเร็วและรักษาอย่างต่อเนื่องจะช่วยชะลอความเสียหายได้
• มีประวัติครอบครัวเป็นต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม หรือตาบอดโดยไม่ทราบสาเหตุ การเฝ้าระวังจะช่วยให้ตรวจพบความผิดปกติได้เร็วขึ้น

เด็กและผู้สูงอายุ

เด็กและผู้สูงอายุเป็นช่วงอายุที่สามารถพบปัญหาสายตาได้มากกว่าคนในช่วงวัยอื่น อันเกิดมาจากพัฒนาการตามช่วงอายุ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยเด็กวัยก่อนเข้าเรียนและวัยเรียน เป็นช่วงที่สายตากำลังพัฒนา อาจมีปัญหาสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียงที่ส่งผลต่อการเรียนรู้และการมองเห็น หากตรวจพบและแก้ไขได้เร็ว จะช่วยป้องกันปัญหาตาขี้เกียจได้ ส่วนผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไปเป็นวัยที่เริ่มมีภาวะสายตายาวตามวัย (Presbyopia) ทำให้มองใกล้ไม่ชัด และเป็นช่วงที่ความเสี่ยงของโรคตาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ เช่น ต้อกระจก ต้อหิน และจอประสาทตาเสื่อม เพิ่มสูงขึ้น ควรตรวจตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

ควรตรวจสายตาบ่อยแค่ไหน ?

การตรวจสายตาโดยทั่วไปแล้ว ผู้ใหญ่ควรตรวจวัดสายตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือทุก 2-3 ปี แม้จะไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าค่าสายตายังคงเหมาะสมกับแว่นที่ใช้อยู่ และยังเป็นการตรวจคัดกรองโรคตาอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย

สรุป

การตรวจสายตา (Eye Test) ไม่ได้เป็นเพียงการวัดค่าสายตาเพื่อตัดแว่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตรวจสุขภาพโดยรวมของดวงตา เพื่อคัดกรองและค้นหาโรคตาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที และป้องกันการสูญเสียการมองเห็นในระยะยาว หากคุณสังเกตได้ถึงอาการผิดปกติแนะนำให้ไปตรวจสายตาที่ร้านแว่นตา Opticland